วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ตกแต่งภายใน

ตกแต่งภายใน

ขั้นตอนมาตราฐานของการออกแบบและ ตกแต่งภายใน โดยปกติ มีดังต่อไปนี้


1. ขั้นการให้คำปรึกษาและขอข้อมูล
สำหรับการออกแบบของโครงการจากเจ้าของโครงการ เพื่อทำการสรุป ความต้องการขั้นต้นการ ตกแต่งภายใน ของลูกค้า หรือ เจ้าของโครงการ โดยในขั้นตอนนี้ อาจจะมีการพบ ปะพูดคุย ระหว่าง นักออกแบบและลูกค้ามากกว่า 1 ครั้งเพื่อ ปรับความเข้าใจต่างๆ ให้ตรงกัน และบ่อยครั้งที่ลูกค้าใช้ การพูดคุยในขั้นตอนนี้ เพื่อพิจารณาตัว นักออกแบบ ตกแต่งภายใน ว่าสามารถ ทำงานด้วยกัน ได้หรือไม่น่าเชื่อถือเพียงใด และมีความสามารถ หรือ รูปแบบของงาน ตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือไม่ และในทำนองเดียวกันนักออกแบบ ตกแต่งภายใน ส่วนใหญ่ก็จะใช้ขั้นตอนนี้ ในการพิจารณาว่าจะรับงานของลูกค้ารายนั้นหรือไม่ ด้วยเช่นกันในขั้นตอนนี้ นักออกแบบ ตกแต่งภายใน บางท่านอาจจะคิดค่าบริการบ้าง (แต่ไม่มากนัก) แต่โดยส่วนใหญ่มัก จะไม่คิดค่าบริการแต่อย่างใดดังนั้นลูกค้า ควรจะสอบถามก่อนว่าจะต้องเสีย ค่าใช้จ่ายในการขอคำปรึกษานี้หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ ต้องมีปัญหากันภายหลัง



2. ขั้นการวางผัง และนำเสนอแนวความคิดในการออกแบบขั้นต้น (Lay-out and Conceptual Design)

ขั้นตอนนี้ นักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะทำการวาง แนวความคิด ในการออกแบบคร่าวๆให้กับลูกค้าทำการ พิจารณา รูปแบบการออกแบบ (Style) รวมทั้งแบ่งพื้นที่ ใช้สอยคร่าวๆ (Zoning) หรือวางผังพื้นที่ใช้สอย อย่างง่ายๆ (Lay-out Plan) เพื่อให้ลูกค้าทำการพิจารณา การแบ่งพื้นที่ทั้งหมดว่าตรงกับความต้องการใช้งานจริง ของลูกค้าหรือไม่ ทั้งนี้ นักออกแบบ ตกแต่งภายใน ส่วนใหญ่ มักจะนำเอาหนังสือหรือนิตยสารเกี่ยวกับการ ตกแต่งภายใน ต่างๆ มากนำเสนอให้กับลูกค้า เพื่อช่วยในการตัดสินใจอีกด้วย ดังนั้น ในขั้นตอนนี้ลูกค้า จะได้ทราบแนวทาง และรูปแบบ คร่าวๆ ของงานออกแบบ ตกแต่งภายใน ที่จะได้รับการพัฒนาในขั้นตอนต่อไป



3. ขั้นการพัฒนาแบบร่างขั้นต้น

ขั้นตอนนี้ นักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะนำแนวความคิดใน การออกแบบ และผังพื้นที่ในการใช้สอย ที่ได้ผ่าน การอนุมัติ จากลูกค้าแล้ว มาพัฒนาเป็น แบบร่างอย่างง่ายๆ เพื่อให้ ลูกค้าเกิด จินตภาพ ได้ว่างานออกแบบทั้งหมด จะออกมาเป็นอย่างไร โดยนักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะทำการนำเสนอเป็นภาพ Sketch หรือ Perspective หรือ Model ก็ได้

เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ลูกค้าจะเริ่มเข้าใจ และมองเห็น หน้าตาของงานออกแบบ ที่นักออกแบบ จะพัฒนาใน ขั้นตอนต่อไป และลูกค้า อาจจะขอปรับแบบได้ แต่ไม่ควรจะแก้ไขแบบจนผิดไปจาก แนวความคิดใน การออกแบบ และผังที่ได้วางเอาไว้ เพราะจะทำให้นักออกแบบ ตกแต่งภายใน ต้องกลับไป เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดนอกจากนี้ บริษัทออกแบบหลายแห่ง มักจะกำหนดจำนวนครั้งใน การขอแก้ไขแบบในขั้นตอนนี้ไว้ไม่เกิน 2 ครั้ง เพื่อให้ งานออกแบบ ไม่ยืดเยื้อ และแล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด



4. ขั้นการพัฒนาแบบร่างขั้นสุดท้าย

ในขั้นตอนนี้ นักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะทำการพัฒนาแบบ ต่อจากแบบร่างขั้นต้น โดยนักออกแบบ มักจะนำเสนอเป็น ภาพ Perspective ที่เสมือนจริงหรือ Model ที่ ใกล้เคียงกับงานออกแบบ ตกแต่งภายใน ที่จะออกมามากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถ จินตนาการ งานทั้งหมดได้ชัดเจน และในขั้นตอนนี้ลูกค้า อาจจะขอแก้ไขแบบร่าง ในส่วน รายละเอียดได้บ้าง แต่ไม่มากนัก เนื่องจากแบบในขั้นตอนนี้ มักจะได้รับ การอนุมัติ จากแบบร่างขั้นต้น เกือบทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ดี หากลูกค้าต้องการทำการแก้ไขส่วนหลักๆ ในแบบร่างในขั้นตอนนี้ นักออกแบบ หรือ บริษัทออกแบบ ตกแต่งภายใน มักจะขอคิดค่าบริการเพิ่มเติม เนื่องจากเป็น การเพิ่มงาน หรือจัดว่าเป็น งานออกแบบใหม่เลยทีเดียว



5. ขั้นการกำหนดวัสดุ ตกแต่งภายใน ทั้งหมด

นักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะทำการ กำหนดวัสดุตกแต่งภายในทั้งหมดโดยอ้างอิงกับแบบร่างขั้นสุดท้ายที่ได้ รับการอนุมัติแล้ว ให้ลูกค้า ทำการพิจารณาทั้งนี้ มักจัดทำเป็นแผ่นกำหนดวัสดุตกแต่ง หรือ Material Board ให้ลูกค้าทำการพิจารณา เปรียบเทียบ ประกอบ แบบร่าง ในขั้นสุดท้ายก่อนที่จะดำเนิน การเขียนแบบรายละเอียดในขั้นตอนสุดท้าย



6. ขั้นการเขียนแบบรายละเอียด

นักออกแบบ ตกแต่งภายใน จะทำการเขียนแบบรายละเอียดให้ตรง ตามแบบร่างขั้นสุดท้ายและ Material Board ที่ได้รับการรับรองแบบ จาก ลูกค้าแล้ว โดยปกติแล้ว นักออกแบบจะใช้เวลาประมาณ 15-30 วัน ในการ ทำงานในขั้นตอนนี้ หากลูกค้ามีความประสงค์จะขอแก้ไข รายละเอียดในแบบ ก็จะสามารถ แจ้งแก่นักออกแบบ ได้ ภายหลังจากที่ได้รับ แบบรายละเอียด มาอ่านแล้ว โดยปกตินักออกแบบ มักจะพิมพ์แบบรายละเอียดให้ลูกค้าทำการอ่านแบบ และพิจารณารายละเอียด ทั้งหมด ก่อนที่จะพิมพ์แบบจริง


ตกแต่งภายใน บ้าน

ตกแต่งภายใน

ปัจจุบันบ้านเรือนมีหลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ อาคารชุด ตึกแถว แมนชั่น คอนโดเทล และแฟลต ถึงแม้การ ตกแต่งภายใน บ้านชนิดต่างๆกันนี้ จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว สิ่งที่เหมือนๆกัน ที่เราอยากนำมาเสนอคือ การตกแต่งห้องรับแขก ห้องนั่งเล่นหรือพักผ่อน ห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องทำงาน ห้องเด็ก ซึ่งท่านสามารถศึกษาความรู้ มาประกอบที่จะตกแต่ง บ้านของท่านให้น่าอยู่ต่อไป

สิ่งที่ควรคำนึงเมื่อจะ ตกแต่งภายใน ห้องใดๆ ต้องพิจารณาถึงปัญหา ตามลำดับความสำคัญดังนี้

1.พิจารณาทางเข้า-ออก
2.ความสะดวกในการทำความสะอาด
3.ความจำเป็นและเหมาะสม4.ทิศทางลมและแสง
4.ประโยชน์ใช้สอย
5.ทัศนียภาพ ความสวยงาม
6.แสง สีที่สัมพันธ์กัน

บ้านคือวิมาณของเรา การตกแต่งบ้านอย่างเหมาะสม นอกจากจะทำให้บ้านน่าอยู่ และสร้างความสะดวกสะบายแก่ผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังสะท้อนบุคลิกภาพ และรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี การ ตกแต่งภายใน ที่ดี ไม่จำเป็น ต้องใช้วัสดุตกแต่ง ราคาแพง แต่หากเจ้าของบ้าน มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับศิลปะ ของการ ตกแต่งภายใน บ้าง ก็สามารถตกแต่งบ้าน ได้อย่างประหยัด น่าอยู่ และสนองประโยชน์ใช้สอย ได้เต็มที่ ทำให้บ้านมีคุณค่า


เกร็ดเล็กน้อยการ ตกแต่งภายใน ร้านค้าตามหลักเคหะศาสตร์

การประกอบธุรกิจร้านค้า ร้านอาหารหรือธุรกิจประเภทใดก็ตาม ต่างก็มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทำกำไรให้ได้สูงสุดหรือคุ้มค่ากับเม็ดเงิน ที่ลงทุนไป จึงมีหลักการทางเคหะศาสตร์กล่าวเอาไว้ในเรื่องความเชื่อของการ ตกแต่งภายใน ร้านค้า ร้านอาหาร เพื่อให้การประกอบธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองตลอดจนสามารถ ขยายกิจการสร้างความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นครับ


การ ตกแต่งภายใน ร้านค้าและร้านอาหาร สิ่งสำคัญที่เจ้าของกิจการควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพราะถือว่าสำคัญมาก หากกล่าวตามหลักเคหะศาสตร์ก็คือ การตกแต่งเพื่อดึงดูดหรือเรียกลูกค้าให้เข้ามาในร้านมาก ๆ เพราะร้านค้าหรือร้านอาหารที่ใส่ใจในความสวยงาม การให้บริการและความต้องการของลูกค้าถือเป็นร้านค้าที่มีทั้งคุณภาพและ บริการ เมื่อมีลูกค้าเข้าร้านและเกิดความประทับใจทั้งการจัดตกแต่งและการให้บริการ ก็จะเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปากเท่ากับว่าเกิดการประชาสัมพันธ์ที่เจ้าของ ร้านไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด หากเป็นร้านค้า ร้านอาหารหรือกิจการที่มีพนักงานยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู ก็ควรมีการวางผังร้านที่อำนวยความสะดวกและกำหนดทิศทางการยืนให้กับพนักงาน ไม่ให้อยู่ในลักษณะกีดขวางเวลาที่ลูกค้าเดินเข้าร้าน ส่วนการจัดวางสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ควรออกแบบตำแหน่งการจัดวางให้สวยงาม เห็นแล้วเชิญชวนให้น่าเข้าไปซื้อหรือเข้าไปใช้บริการและสามารถมองเห็นสินค้า ได้อย่างชัดเจนด้วยครับ


หากเป็นร้านค้าขายของปลีก การ ตกแต่งภายใน เรื่องแสงสว่างของไฟในร้านถือว่าสำคัญมากเพราะแสงสว่างที่เพียงพอเชื่อว่าจะก่อให้ เกิดพลังในการไหลเวียนของการประกอบธุรกิจที่ดี ซึ่งอาจมาจากการใช้หลอดไฟติดตั้งภายใน หรือจะเป็นการติดตั้งกระจกเงาก็สามารถทำได้เพราะหากกล่าวตามหลักความเชื่อ ทางเคหะศาสตร์แล้ว กระจกเงา ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย จะนำมาซึ่งการเพิ่มพูนของทรัพย์สิน เงินทอง และยังสะท้อนให้เห็นพื้นที่ภายในร้านค้าที่กว้างขึ้นเป็น 2 เท่าด้วยครับ ซึ่งเมื่อก่อนนั้นความเชื่อเรื่องการ ตกแต่งภายใน ตกแต่งร้านค้าเพื่อการประกอบธุรกิจให้ ประสบความสำเร็จนั้นมักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ในการช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริ มงคล แต่ปัจจุบันการ ตกแต่งภายใน ที่สวยงาม การใช้สีที่นุ่มนวล สร้างบรรยากาศ ภายใน รวมทั้งการจัดตกแต่ง โต๊ะ เก้าอี้ต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสมกับพื้นที่และประโยชน์ใช้สอย เชื่อว่าจะช่วยให้การไหลเวียนภายในร้านดีขึ้นด้วยครับ


การประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทใดก็ตาม การเอาใจใส่ในรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ เป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพประกอบไปกับความซื่อสัตย์ในการให้บริการและความสวย งามในการตกแต่งภายในรวมทั้งถูกต้องตามความเหมาะสมของหลักความเชื่อทางเคหะ ศาสตร์ กิจการหรือธุรกิจเหล่านั้นก็จะประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วครับ